5 ผู้นำทางจิตวิญญาณ อะไรที่ทำให้อาชีพร่างทรงประสบความสำเร็จ?
ในปัจจุบันเราจะเห็นร่างทรง อวตารองค์เทพต่าง ๆ โผล่ออกมาให้ความช่วยเหลือคนธรรมดาอย่างเรา ๆ กันเยอะมาก หากคุณมีความเชื่อเรื่องนี้ และต้องการอยากพบเจอองค์เทพต่าง ๆ คุณไม่จำเป็นต้องถือศีล ไม่ต้องทำพิธี ไม่ต้องทำอะไรเลย เพียงแค่เปิดโซเชี่ยลมีเดียขึ้นมาคุณจะเจอกับแฟนเพจร่างทรงองค์เทพต่าง ๆ ให้เลือกหาเข้าไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ลูกหากัน บางสำนักรับจ่ายค่าครูผ่าน PromptPay ง่าย ๆ สะดวกสบาย จะมีการให้บริการหลัก ๆ สองประเภทคือ การตรวจดวงชะตา และ การสะเดาะห์เคราะห์ แต่บางสำนัก อาชีพร่างทรงยังรับรักษาโรคและแก้ไขปัญหาอื่น ๆ แก่ผู้รับบริการ เช่น การแก้ไสยผีเข้า หรือการเรียกเทพเจ้าต่าง ๆ มาประทับร่างเป็นอวตารของเทพองค์นั้น ๆ และอย่างที่บอกไปในตอนต้น ปัจจุบันไม่ว่าใครก็สามารถเข้าถึงร่างทรงได้ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย ทั้งเฟซบุ๊ก และกลุ่มไลน์ที่เป็นแหล่งรวมตัวของสาวกร่างทรงเพื่อพูดคุยกันหรือกระจาย ข่าวสาร หรือแม้แต่การประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ ก็สามารถทำได้ผ่านทางเฟซบุ๊คไลฟ์หรือทวิตเตอร์
การเข้าทรง เป็นความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณ มีรากเหง้าก่อเกิดขึ้นมาพร้อมกับพัฒนาการทางจิตวิญญาณของมนุษย์ สำหรับสังคมไทยการทรงเจ้าถูกปลูกฝังไปพร้อมกับความเชื่อของไทยโบราณ ซึ่งในสังคมไทยโบราณนั้นมีการนับถือผีมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นพลังเหนือธรรมชาติ พลังจากบรรพบุรุษ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ ความเชื่อแบบนี้อยู่ในสังคมไทยมาอย่างยาวนาน และการทรงเจ้านั้นก็ยังถูกปลูกฝังไปพร้อมกับหลักธรรมคำสอนของศาสนาต่าง ๆ แต่ในความเป็นจริง ศาสนาพุทธเชื่อเรื่องความมีเหตุมีผล ซึ่งคล้ายคลึงกับหลักวิทยาศาสตร์ ปัจจุบันองค์ความรู้พัฒนาไปอย่างมาก จนสามารถพิสูจน์บางความเชื่อได้แล้วว่าไม่เป็นความจริง เช่น ความเชื่อโบราณที่ว่าฟ้าแลบฟ้าร้องเกิดจากนางเมขลาล่อแก้ว โดยมีรามสูรย์ขว้างขวานเข้าใส่ แต่จริงๆ แล้วฟ้าแลบฟ้าร้องเกิดจากประจุลบในเมฆก้อนหนึ่งวิ่งเข้าหาประจุบวกของเมฆอีกก้อน
พุทธศาสนาเป็นไปในทิศทางเดียวกับวิทยาศาสตร์ เริ่มจากเจ้าชายสิทธัตถะได้สังเกตเห็นปรากฎการณ์ธรรมชาติ เกิด เเก่ เจ็บ ตาย เเล้วเกิดคำถามต่อมาว่าทำไม เช่นเดียวกับไอเเซค นิวตัน ที่เห็นลูกแอปเปิลหล่น เเล้วตั้งคำถามว่าทำไมแอปเปิลจึงไม่ลอยสู่ท้องฟ้า เเต่กลับหล่นลงสู่พื้นดินเสมอ ทั้งวิทยาศาสตร์เเละศาสนาพุทธมีจุดร่วมตรงที่ใช้ทักษะทางปัญญาต่าง ๆ มาอธิบายสิ่งรอบตัว จึงทำให้รู้เห็นความจริงต่าง ๆ ในธรรมชาติได้มากขึ้น แต่ต่างกันตรงที่พุทธศาสนาจะนำความจริงเหล่านี้มาใช้เป็นหลักธรรมในการดับทุกข์ จะเห็นได้ว่าจริง ๆ แล้วหลักพุทธศาสนาเองก็ไม่ได้สอนให้เชื่อการทรงเจ้าเข้าทรง
5 ผู้นำทางจิตวิญญาณที่กำลังเป็นกระแสในปัจจุบัน อะไร? ที่ทำให้มีคนเชื่อและศรัทธาพวกเขาเหล่านี้
หลวงปู่พุทธเทพสุริยะจักรวาล
นายพุทธะ เทพสุริยะจักรวาล ชาวจ.กระบี่ ซึ่งแต่งกายคล้ายพระแต่ผ้าเป็นสีดำ ปฏิบัติธรรมมาประมาณ 20 ปี ไป ๆ มา ๆ ที่ อ.ปะคำ 4-5 ปี กระแสข่าวที่ออกไปว่า ตนสามารถรักษาโรคมะเร็ง และโรคโควิด-19 ได้นั้น ไม่เป็นความจริง ตนไม่สามารถรักษาได้ เพียงให้กำลังใจลูกศิษย์ที่เข้ามาฟังธรรมะเท่านั้น ตนไม่ใช่พระ แต่เป็นตัวแทนของ ”หลวงปู่พุทธเทพสุริยะจักรวาล” ที่ตนรับรู้ด้วยตนเอง ที่ผ่านมาไม่เคยสอนให้ลูกศิษย์งมงาย ไม่เคยทำพิธีกรรมใดๆ ไม่ได้อยู่ในสารบบของเถรสมาคม
*หลวงปู่จะฉันน้ำผึ้งกับน้ำมะพร้าววันละประมาณ 20 ลูก มีลูกศิษย์คอยรับใช้ตลอด หลวงปู่ผู้นี้เป็นที่สนใจจากสังคม เริ่มต้นจาก สาวชาวจ.ชัยภูมิ ออกมาร้องเรียนว่าแม่ตัวเองซึ่งมีอาชีพครู หลงงมงายกับพระรูปหนึ่งที่ตั้งสำนักอยู่ที่ อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ เกรงว่าแม่จะถูกพระหลอกเพราะเงินเดือนแม่ร่วม 1 แสนบาท ถึงขั้นสร้างสำนักไว้หลังบ้านที่ จ.ชัยภูมิ มีพฤติกรรมไม่โปร่งใส พยายามอ้างเหตุผลซึ่งตรงกันข้ามกับความเป็นจริง ทิ้งปัญหาให้ลูกศิษย์เป็นคนตอบแทนหรือรับผิดชอบแทนทั้งหมด การบริจาค การสร้างอติลิ อ้างเป็นผู้วิเศษ จะออกมาจากปากของลูกศิษย์ที่มีความศรัทธา โดยมีข้าราชการกองทัพเรือ หลายนายแต่งเครื่องแบบสีขาว เข้าร่วมพิธีบวงสรวงรูปหล่อองค์จักรพรรดิพุทธะเทพสุริยะจักรวาล ด้วยเช่นกัน
พระตัดคอถวายหัว
พระธรรมกร ฐานธัมโม อายุ 68 ปี เจ้าสำนักสงฆ์ภูหินกอง มรณภาพด้วยการถูกตัดหัว เพราะต้องการ “ถวายหัว” เป็นพุทธบูชาแด่พระพุทธเจ้า เชื่อว่าจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป การมรณภาพของพระธรรมกรเป็นความตั้งใจ และเตรียมการไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ต้น มีการเขียนจดหมายสั่งเสียไว้ด้วยว่าเป็นความต้องการของตนตั้งแต่เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ญาติพี่น้อง ลูกศิษย์ พระลูกวัด แม่ชี ไม่มีใครติดใจ พร้อมทั้งจัดการบรรจุร่างไว้ในโลงแยกตัวไว้ในโลง หัวไว้ในกล่องไม้วางบนโลง และทำการรฌาปนกิจเป็นที่เรียบร้อย มีการสร้างรูปปั้นไว้ (ปัจจุบันถูกทุบแล้ว) ความเชื่อนี้แผ่กระจายไปทั่วสำนักสงฆ์ “มันคือการสร้างบารมี ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่มีใครทำให้ท่านตาย ท่านมีสติครบถ้วน ท่านไปด้วยจิตที่ปรารถนาสร้างบารมีอันยิ่งใหญ่ และนี่เป็นการถวายทาน” ยืนยันว่าไม่ใช่การฆ่าตัวตาย แต่เป็นการทำบารมีอย่างหนึ่งจึงไม่มีใครห้าม
“นี่มันเรื่องงมงายทั้งนั้น” ย้ำการกระทำนี้ไม่ได้ช่วยศาสนาแต่อย่างใด พระพุทธเจ้าท่านไม่รับการถวายศีรษะอย่างแน่นอน การรักษาศีล ใช้ชีวิตอยู่เพื่อรักษาพระพุทธศาสนาเป็นเรื่องที่ดียิ่งกว่า ไม่มีหลักคำสอนใดที่สอนให้สละชีวิต ด้วยการฆ่าตัวตายเด็ดขาด" พระพยอม กัลยาโณ (เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว)
ไม่มีคำสอนไหน ที่พระพุทธเจ้าสอนให้คนตัดหัวตัวเองเพื่อถวายเป็นพุทธบูชานะโยม ศึกษาธรรมะ ต้องระวังให้ดี อย่าไปตีความคำสอนของพระพุทธเจ้าแบบผิด ๆ สิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านต้องการคือการได้เห็นคนที่ปฎิบัติตามคำสอนของท่านแล้วมีชีวิตที่พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น ละความทุกข์ได้มากขึ้น ท่านไม่ต้องการให้ใครมาสละชีวิตหรือถวายหัวเพื่อท่านหรอก อย่าไปเชื่อว่า การสละชีวิตตัวเอง จะทำให้ได้เป็นนั่นเป็นนี่ ได้ตรัสรู้ ได้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ธรรมะเป็นสิ่งที่ปฎิบัติได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องฆ่าตัวตายเพื่อไปรอผลชาติหน้า" พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ
พระอาจารย์ชา
อาจารย์ชา ถือเป็นการคอลแลปส์กับ2ท่านด้านบน จึงเป็นที่สนใจของสังคม เพราะอาจารย์ชาออกมาออกตัวว่า พุทธะ เทพสุริยะจักรวาล เป็นลูกศิษย์ของตนและพูดถึงกรณีพระธรรมกร ที่กำลังเป็นที่สนใจต่อสังคม
นายชา หรือ พระอาจารย์ชา @ชุมชนธะธรรมชาติ ที่ลูกศิษย์เรียกนั้น เคยบวชเป็นพระสงฆ์ และมีข่าวโด่งดังมาแล้วเมื่อช่วงเดือดนกรกฎาคม 2558 ซึ่งตอนนั้น ชื่อว่า พระศุภกิจ มหิทธโก เป็นเจ้าอาวาส วัดวังหอมพุทธาราม ต.วังอ่าง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช และมีคนโพสต์พระอาจารย์ชาในขณะนั้น ศีรษะแตก แล้วเลือดที่ออกกลายเป็นผลึก เชื่อว่าเป็นพระธาตุ เมื่อชาวบ้านในพื้นที่รู้เรื่อง ทำให้ไม่พอใจเพราะมีพฤติกรรมอวดอุตริ อ้างว่าระลึกชาติได้ จึงขับไล่ออกจากพื้นที่เนื่องจากชาวบ้านเสื่อมศรัทธา ปัจจุบันยังมีการเผยแพร่คำสอน แนวคิดต่าง ๆ ให้ลูกศิษย์ได้รับฟังผ่านทาง Youtube และ Facebook Live มีลูกศิษย์ที่ศรัทธาคอยรับฟัง
พระแม่ศรีมหาอุมาเทวีชลบุรี
พระแม่ศรีมหาอุมาเทวีชลบุรี ผู้สามารถวิดีโอคอลรักษาโรคได้ “การช่วยคนที่อยู่ห่างไกล ไม่มีเงินเดินทางมาได้ การชี้แนะแบบอาจารย์โจ๊ก เป็นหนึ่งทางเลือกให้เขาผ่อนหนักเป็นเบา และคลายทุกข์ได้” อาจารย์แม่โจ๊ก หรือ รฐา วัฒนมงคลกุล ร่างทรงพระแม่ศรีมหาอุมาเทวี
เมื่อพระแม่ศรีมหาอุมาเทวีลงมาประทับรู้สึกตัวตลอดแต่แค่ควบคุมตัวเองไม่ได้ ซึ่งสาเหตุที่พระแม่ศรีมหาอุมาเทวีเลือกลงมาประทับที่ร่าง เพราะมีบุญสัมพันธ์ คือร่างกายและการปฏิบัติตัวในชาติก่อนมีบุญสัมพันธ์ตรงกันกับท่าน และการที่ท่านลงมาประทับเพื่อต้องการมาบอกให้ทุกคนทำความดี ไม่ใช่การงมงาย ส่วนในเรื่องของภาษาที่พูดนั้นเป็นภาษาเทพที่ผ่านตนแล้วแปลมาอีกที
การช่วยไล่ของออกให้ทางเฟสไทม์
พระธรรมิกราช ในร่างของภิกษุณี
พระธรรมิกราช ในร่างของภิกษุณีอิสรีย์ อ้างว่าเป็นอริยบุคคล ตามศาสนา และเป็นพระอรหันต์ ที่บรรลุธรรมทางศาสนา ลงมาโปรดมนุษย์โดยขอให้ทุกคนช่วยกันทำบุญผ้าป่าเริ่มต้น กองละ 3,555 บาท จากนั้นจะได้รับค่าตอบแทนเป็นทองคำ 1 สลึง หรือ 6,000 บาท หลังจากนั้นได้มีกลุ่มลูกศิษย์หลงเชื่อนำเงินมาถวายจำนวนมาก หลังจากที่มีการถวายไปแล้ว แม่ชีจะสอนและพูดเป็นคติธรรมว่า "การที่ร่วมถวายบุญครั้งนี้ต้องเก็บเป็นเรื่องเงียบ ไม่บอกใคร ไม่พูดมาก ถ้าหากพูดมากจะมีอันเป็นไป รถจะพุ่งชนทำให้ถึงแก่ความตาย" สุดท้ายไม่ได้ทั้งเงินและทอง มูลค่า 7 ล้านกว่าบาท
"ตนเป็นอริยบุคคล เทียบเท่าอริยสงฆ์ ไม่ยึดติดกับสิ่งใด ไม่รับรู้สิ่งใดในโลกนี้แล้ว ส่วนการจัดตั้งกองทุนผ้าป่า เป็นการทำขึ้นเพื่อช่วยเหลือคนยากจน แต่จะมีเวลาคืนเงินให้ตามความเชื่อศรัทธา จะต้องมีฤกษ์ยาม ที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะคืนให้ แต่คนที่มาร่วมทำบุญเกิดความโลภจึงเกิดปัญหา ซึ่งหากทุกคนรอตามเวลากำหนดจะได้รับเงินคืน"
อะไรที่ทำให้อาชีพร่างทรงประสบความสำเร็จ?
สาเหตุหลักที่อาชีพร่างทรงประสบความสำเร็จ คือ การเข้าใจโครงสร้างทางสังคมและเข้าใจถึงปัญหา คุณลักษณะนี้ทำให้ผู้อ้างว่าตนเป็นร่างทรง สามารถทำนายความตึงเครียดในแต่ละสถานการณ์ที่มีลักษณะเฉพาะได้ เช่น ปัญหาความรักหรือปัญหาครอบครัว ส่วนใหญ่กลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้จะเป็นวัยรุ่นถึงวัยกลางคน มักมาพบร่างทรงด้วยอความคิดตัดพ้อน้อยใจในชีวิต โทษตัวเองรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า เมื่อให้บริการ ร่างทรงจะแสดงให้ลูกค้าเห็นว่าพวกเขาสามารถรู้เห็นได้อย่างอัศจรรย์ก่อนเป็นอย่างแรก และใช้ไหวพริบพูดในสิ่งที่ลูกค้าปรารถนาจะได้ยิน ประกอบกับการนำเสนอได้สมบทบาท เช่นอ้างว่าองค์เทพมาขอประทับร่าง ทำให้ลูกค้าเกิดความเชื่อและยินดีที่จะปฏิบัติตามในสิ่งที่ร่างทรงสั่ง ซึ่งได้แก่การจัดพิธีกรรมเพื่อบรรเทาเคราะห์ร้ายหรือความทุกข์นั้น และแน่นอนว่าต้องมีค่าใช้จ่ายตามมา เรียกได้ว่าเป็นการขายโดยใช้จิตวิทยา เมื่อผู้รับบริการปฏิบัติตามสิ่งที่ร่างทรงบอก พวกเขาจะรู้สึกวิตกกังวลน้อยลง รู้สึกดีขึ้นเอง ตลอดจนพบว่าปัญหาที่มีได้ถูกบรรเทาลงไปโดยไม่สามารถพิสูจน์ได้ ลูกค้าเหล่านี้จะเกิดความเชื่อและศรัทธาในร่างทรงแบบสนิทใจ ต่อมาพวกเขาอาจจะสมัครใจเป็นร่างทรงเอง หรือบอกคนอื่นต่อๆ ไปให้เข้ามาเป็นศิษย์ในสำนักเพื่อถ่ายทอดความเชื่อนี้ต่อไปเรื่อย ๆ อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ คือ ความอ่อนแอทางจิตใจ ของผู้รับบริการเอง ส่วนใหญ่แล้วผู้ที่เลือกแก้ปัญหาด้วยการพึ่งพาร่างทรงมักไม่สามารถแก้ปัญหาด้วยตนเองได้ จึงจำเป็นต้องมองหาที่พึ่ง กลุ่มคนเหล่านี้ถูกร่างทรงชักจูงได้ง่ายมาก ประกอบกับร่างทรงเองเข้าใจถึงปัญหา มีจิตวิทยาในการพูด และแสดงตนให้มีลักษณะน่าเกรงขามเหมือนเทพ และยิ่งจัดสำนักร่างทรงให้มีความศักดิ์สิทธิ์ ดูมีมนต์ขลัง จึงไม่ยากที่จะก่อศรัทธาให้เกิดขึ้นในใจ
ร่างทรงในมุมมองจิตวิทยา
พฤติกรรมผีเข้าทรงในมุมมองทางสุขภาพจิต ถือว่าบุคคลนั้น ๆ มีปัญหาสุขภาพจิตรุนแรง แต่ยังไม่ถือว่าวิกลจริต จัดเป็น อาการฮิสทีเรียประเภท ดิสโซซิเอดีฟ (Dissociative) ซึ่งมีการระบุจากเว็บไซต์ชมรมนักสะกดจิตแห่งประเทศไทยว่า อาการทางประสาทชนิดนี้เป็นบุคลิกภาพชนิดหนึ่งของคนที่มีความเครียดและความกดดันสูงมาก ในขณะเดียวกันก็โหยหาความรักและเรียกร้องความสนใจ ดังนั้นจิตจึงสั่งการให้เปลี่ยนบุคลิกของตัวเองจากคนปกติธรรมดาคนหนึ่งไปเป็นอีกคนหนึ่ง หรือมีความเชื่อว่ามีผีหรือเทพเข้ามาสิงสู่ร่างกาย จากนั้นพวกเขาจะแสดงอารมณ์ ท่าทาง และการพูดเกินจริง เพื่อสะกดจิตตัวเองให้เชื่อในสิ่งที่ทำ พร้อมโน้มน้าวให้คนอื่นๆ เชื่อตามด้วย ซึ่งบางครั้งผู้เข้ารับบริการที่มีจิตใจอ่อนแอ อาจเกิดภาวะถูกสะกดจิตเป็นรายบุคคลหรือเป็นหมู่ได้ ดังกรณีฟังสวดภาณยักษ์ ซึ่งใช้พิธีกรรมและเสียงช่วยเร้าอารมณ์ อาการเหล่านี้มีขึ้นเพื่อคลายความทุกข์หรือความเครียดของบุคคลนั้นๆ เอง เรียกได้ว่าเป็นกลไกทำงานของจิตเพื่อช่วยให้ชีวิตยังคงดำเนินต่อไป ทั้งนี้ผู้ป่วยทางจิตควรพิจารณาตนเองอย่างมีเหตุมีผลว่าทำไมตนถึงป่วยหรือมีความทุกข์มาจากสาเหตุใด รวมทั้งควรพยายามคิดไตร่ตรองหาวิธีแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เข้ามา หรือปรึกษาคนใกล้ตัวที่เชื่อถือได้ แต่วิธีที่ดีที่สุดคือการไปปรึกษากับจิตแพทย์เพื่อรับการบำบัดตลอดจนการรักษาอย่างถูกต้อง
ขอขอบคุณข้อมูล : งานวิทยานิพนธ์ กระบวนการเข้าสู่การเป็นร่างทรง : กรณีศึกษาร่างทรง ในเขต อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ของ รตพร ปัทมเจริญ พ.ศ. 2543