เลกซัสเดินหน้าสู่อนาคตรถยนต์ไฟฟ้า เปิดตัว “LF-Z Electrified”
เลกซัสเดินหน้าสู่อนาคตรถยนต์ไฟฟ้าด้วยการเปิดตัวคอนเซปต์คาร์ LF-Z ครั้งแรกของโลกกับการเปิดตัว “LF-Z Electrified” คอนเซปต์คาร์ BEV ที่จะกำหนดทิศทางให้กับเลกซัสเจเนอเรชั่นถัดไป
・เลกซัสเร่งพัฒนารถยนต์เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายรวมถึงไลฟ์สไตล์ของลูกค้าทั่วโลก
・เปิดตัว “LF-Z Electrified” คอนเซปต์คาร์ BEV นำเสนอภาพลักษณ์ใหม่ ๆ ของรถไฟฟ้าที่ใช้งานได้จริง
・ภายในปี 2025 เลกซัสจะเปิดตัวรถยนต์ใหม่กว่า 20 รุ่น ทั้ง BEV / PHEV / HEV และรถยนต์พลังงานทางเลือกอื่นๆ
・จัดตั้งศูนย์ธุรกิจและเทคโนโลยีใหม่ที่รวมแผนกการพัฒนา การออกแบบเทคโนโลยีการผลิต และการวางแผน เพื่อส่งเสริมการพัฒนายานยนต์นวัตกรรมใหม่
โตโยต้าซิตี้ ประเทศญี่ปุ่น (30 มีนาคม 2021) – ในวันนี้ (19.00 น. ตามเวลาประเทศญี่ปุ่น) เลกซัสได้ประกาศแผนการปรับโฉมครั้งใหม่ของแบรนด์เลกซัสในงานเปิดตัว “เลกซัสคอนเซปต์”
ด้วยจิตวิญญาณแห่งนวัตกรรมที่ไม่หยุดนิ่งและการตอบรับจากลูกค้าทั่วโลก เลกซัสยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในฐานะแบรนด์ไลฟ์สไตล์หรู เลกซัสได้มอบผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ที่น่าทึ่งด้วยเทคโนโลยีและค่านิยมใหม่ ๆ ตั้งแต่ปี 1989 โดยปัจจุบันอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ก้าวเข้าสู่ยุคแห่งการปฏิรูปในรอบศตวรรษ นอกเหนือจากภารกิจเพื่อสังคมในการหยุดปล่อยก๊าซคาร์บอน และการปฏิบัติตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (SDGs) ไลฟ์สไตล์ รวมถึงค่านิยมของลูกค้าได้มีการเปลี่ยนแปลงและเพิ่มความหลากหลายมากขึ้นอย่างรวดเร็วเหนือจินตนาการ สภาพแวดล้อมทางสังคม ความต้องการในการเดินทาง และไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ถือเป็นส่วนหนึ่งของตลาดรถยนต์หรูที่กำลังเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าไป ภายใต้สถานการณ์ทั้งหมดนี้ เลกซัสได้สร้างนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อประโยชน์ของสังคมโดยรวม รวมถึงลูกค้าของเราอีกด้วย เลกซัสพร้อมที่จะตอบสนองอย่างรอบคอบ และรวดเร็วต่อความต้องการของลูกค้าที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป และจะมุ่งมั่นในการเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นแบรนด์ที่เหนือความคาดหมายของลูกค้า
ตั้งแต่มีการเปิดตัว RX 400h รถยนต์หรูพลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกของโลกในปี 2005 จนถึงปัจจุบัน รถยนต์ไฮบริดจากเลกซัส ได้จำหน่ายไปแล้วกว่าสองล้านคันทั่วโลก โดยปัจจุบันเลกซัส มีรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (HEVs) และรถยนต์แบตเตอรี่ไฟฟ้า (BEVs) ทั้งหมด 9 รุ่น ที่ทำตลาดใน 90 ประเทศตามภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก เลกซัสยังคงมุ่งพัฒนาภายใต้วิสัยทัศน์ “Lexus Electrified” ที่ได้ประกาศในปี 2019 ด้วยเป้าหมายที่จะกำหนดบรรทัดฐานใหม่ด้วยการนำเทคโนโลยีไฟฟ้ามาใช้งานจริง พร้อมมอบความสุขและความพึงพอใจในการใช้งานรถยนต์อย่างต่อเนื่อง
ในวันนี้เลกซัสจัดการเปิดตัวเป็นครั้งแรกของโลกสำหรับ “LF-Z Electrified” คอนเซปต์คาร์ BEV ที่รวมเอาสมรรถนะการขับขี่ สไตล์ และเทคโนโลยีไว้ด้วยกัน โดยวางยุทธศาสตร์ให้เป็นจริงได้ภายในปี 2025 รถยนต์รุ่นนี้มาพร้อมกับความสมดุลในการขับขี่ที่เกิดจากการจัดวางแบตเตอรี่ และมอเตอร์ไฟฟ้าอย่างเหมาะสมที่สุด นอกจากนี้ยังใช้เทคโนโลยีควบคุมพลังขับเคลื่อนสี่ล้อแบบใหม่ที่เรียกว่า “DIRECT4” ที่จะสร้างสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้นและยืดหยุ่นอย่างมาก ทำให้ LF-Z Electrified มีความแตกต่างจากรถยนต์ในรูปแบบเดิม ๆ นอกจากนี้ในอนาคตอันใกล้ เลกซัสยังวางแผนที่จะนำเทคโนโลยีและฟังก์ชันอินโฟเทนเมนต์ชั้นสูงเข้ามาใช้งาน ซึ่งจะทำให้ประสบการณ์การเดินทางของลูกค้าของเราสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ภายในปี 2025 เลกซัสมีแผนจะเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่และรุ่นปรับปรุงโฉมจำนวน 20 รุ่น รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้ากว่า 10 รุ่นอย่างเช่นรถยนต์ BEV รถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) รถยนต์ไฮบริด (HEV) ตามความต้องการของแต่ละประเทศและภูมิภาคทั่วโลก บนรากฐานแนวคิดในการมอบผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม ให้แก่ตลาดที่เหมาะสม ในเวลาที่เหมาะสม
นอกจากสร้างความเข้มแข็งและขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์รถยนต์หลักประเภทซีดานและเอสยูวีแล้ว เลกซัสจะมุ่งเน้นไปที่การเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ อย่างเช่นกลุ่มรถสปอร์ตที่มอบความสนุกในการขับขี่ได้อย่างต่อเนื่อง รถยนต์ที่จะพลิกนิยามแนวคิดของการมีผู้ขับให้ และรถยนต์ประเภทใหม่ ๆ ที่ไม่เคยมีที่ใดมาก่อนในโลก โดยการทำสิ่งเหล่านี้จะต้องรับความท้าทายเพื่อจะมอบค่านิยมใหม่ที่เหนือความคาดหมายให้แก่ลูกค้าของเรา
เลกซัสมีเป้าหมายที่จะนำเสนอทางเลือกรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ทุกรุ่นภายในปี 2025 โดยตั้งเป้าหมายให้มีอัตราการจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าสูงกว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์น้ำมันภายในปี 2050 เลกซัสยังต้องการที่จะหยุดการปล่อยก๊าซคาร์บอนตลอดทั้งวงจรของผลิตภัณฑ์รถยนต์ทุกรุ่นที่มีจำหน่าย ตั้งแต่การผลิตวัตถุดิบ ชิ้นส่วน และรถยนต์ ไปจนถึงระบบโลจิสติกส์ รวมถึงการกำจัดและรีไซเคิลรถยนต์รุ่นเก่าในขั้นตอนสุดท้าย ด้วยวิสัยทัศน์และภารกิจที่ชัดเจนในการหยุดปล่อยก๊าซคาร์บอน จะทำให้เลกซัสสามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในกระบวนการการผลิตชิ้นส่วนลงได้
ในเดือนมีนาคม 2024 เพื่อเร่งการวางแผนและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและตอบสนองกับความต้องการของลูกค้า เลกซัสได้วางกำหนดการเปิดธุรกิจและศูนย์เทคโนโลยีขึ้นใหม่ ซึ่งรวมสมาชิกที่เกี่ยวข้องในด้านการพัฒนา การออกแบบ เทคโนโลยีการผลิต และการวางแผนของแบรนด์เลกซัส มาร่วมกันสร้างรถยนต์เจเนอเรชั่นใหม่ ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความร่วมมือเพื่อส่งเสริมการสร้างสรรค์ร่วมกันกับพันธมิตรภายนอก
โคจิ ซาโตะ ประธาน และหัวหน้าทีมภาพลักษณ์แบรนด์ เลกซัส อินเตอร์เนชันแนล
“ผมขอแสดงความนับถือด้วยใจจริงต่อผู้คนทั่วโลก ที่พยายามอย่างหนักท่ามกลางความยากลำบากทั้งหลายในขณะที่เราดำเนินภารกิจเพื่อสังคมในการสร้างชุมชนที่งดเว้นการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้เป็นจริงขึ้นมานั้น เราจะยังคงมอบความสนุกและความสุขที่รถยนต์มีให้อย่างต่อเนื่อง เราจะยังคงมีส่วนในการมอบความสุขและรอยยิ้มของลูกค้า รวมถึงทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเลกซัส เริ่มจากเปิดตัวรถยนต์ใหม่สองรุ่นในปีนี้ เราจะพัฒนานวัตกรรมต่อไป เพื่อเพิ่มสีสันให้กับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของลูกค้า เราหวังว่าคุณจะคอยติดตามอนาคตของเลกซัส ซึ่งมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะสร้างสรรค์อนาคต เพื่อให้สังคมที่ขับเคลื่อนด้วยความหวังเป็นจริงขึ้นมาได้ในที่สุด”
LF-Z ELECTRIFIED
<คุณสมบัติหลักของรถยนต์ไฟฟ้า LF-Z>
รถยนต์ไฟฟ้า LF-Z คือรถยนต์คอนเซปต์ BEV ที่เป็นสัญลักษณ์ของการพลิกโฉมแบรนด์เลกซัส ซึ่งรวมไว้ด้วยสมรรถนะการขับขี่ สไตล์ และเทคโนโลยีชั้นสูง ซึ่งมีกำหนดให้ใช้งานจริงได้ภายในปี 2025
วิวัฒนาการครั้งสำคัญของสมรรถนะยานยนต์ที่มีพื้นฐานมาจากการใช้เทคโนโลยีไฟฟ้า อันเป็นเป้าหมายของวิสัยทัศน์ด้านพลังงานไฟฟ้าของเลกซัสหรือ “Lexus Electrified” รถยนต์ไฟฟ้า LF-Z จะใช้แพลตฟอร์ม BEV ที่พัฒนาขึ้นใหม่ โดยมีเทคโนโลยีควบคุมพลังขับเคลื่อนสี่ล้อแบบใหม่ที่เรียกว่า “DIRECT4” ซึ่งตอบสนองการขับเคลื่อนฉับไวด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าควบคุมล้อทั้งสี่ของรถยนต์ได้อย่างอิสระ เพื่อประสิทธิภาพการขับขี่ที่เหนือกว่าและมีความยืดหยุ่นสูง ทำให้แตกต่างจากรถทั่วไป ด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีการใช้ไฟฟ้าเข้ากับเทคโนโลยีควบคุมการขับเคลื่อนของรถยนต์ที่ได้รับการพัฒนามายาวนาน เลกซัสมุ่งมั่นที่จะพัฒนาประสิทธิภาพการขับขี่ในรูปแบบที่จะเชื่อมต่อผู้ขับเข้ากับรถยนต์ได้ดียิ่งขึ้น
รูปลักษณ์ภายนอกที่เร้าอารมณ์ของรถยนต์ไฟฟ้า LF-Z ได้รับการออกแบบด้วยความประณีต ตอกย้ำเอกลักษณ์ด้านการออกแบบของรถยนต์เลกซัส แสดงออกถึงความรู้สึกในการขับขี่ที่กระฉับกระเฉง และว่องไวด้วยพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง
เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่รถยนต์ BEV อันเป็นเอกลักษณ์ ภายในรถประกอบด้วยห้องโดยสารส่วนควบคุมการขับขี่แบบ “ทาซึนะ” และมีรูปแบบเปิดโล่งสไตล์ “มินิมอลลิสต์” ทั้งยังยกระดับแนวทางการออกแบบที่เข้าถึงตัวผู้ขับขี่ที่เป็นศูนย์กลางตามแบบฉบับของเลกซัส อันเป็นฐานรากของแบรนด์เลกซัสมาตั้งแต่ปี 1989
นอกจากนี้ ยังมีระบบ AI ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลไลฟ์สไตล์ ผ่านการสนทนาโต้ตอบรวมถึงการเรียนรู้พฤติกรรมและความชอบของผู้ขับขี่เพื่อแนะนำเส้นทาง ทั้งยังสามารถจองโต๊ะในร้านอาหารและอื่น ๆ ได้อีกด้วย เมื่อพัฒนาระบบป้องกันภัยและระบบรักษาความปลอดภัยควบคู่ไปด้วยแล้ว AI จะช่วยให้ประสบการณ์การเดินทางสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
เพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และเครื่องจักร
・รถยนต์ไฟฟ้า LF-Z คือพัฒนาการของ “เอกลักษณ์การขับเคลื่อนของเลกซัส” ประสบการณ์การขับขี่ที่ไม่เหมือนใครจากเลกซัสมุ่งเน้นการตอบสนองอย่างต่อเนื่องตรงตามความตั้งใจของผู้ขับขี่ รวมถึงความรู้สึกในการเชื่อมต่อชะลอความเร็ว การบังคับเลี้ยว และการเร่งความเร็วในทุกสถานการณ์การขับขี่ รถยนต์ไฟฟ้า LF-Z สามารถรักษาสมดุลและเสถียรภาพในการชับชี่ได้อย่างดีเลิศ โดยการวางตำแหน่งแบตเตอรี่และมอเตอร์ไว้ในตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุด เทคโนโลยีเครื่องยนต์ไฟฟ้าทำให้สามารถนำนวัตกรรมการออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกมาใช้ได้ และยกระดับเอกลักษณ์การขับขี่ของเลกซัสให้สูงยิ่งขึ้นด้วยการพัฒนาสมรรถนะพื้นฐานของรถยนต์
・การจัดวางชุดแบตเตอรี่ไว้ใต้พื้นรถในแนวยาวทำให้แชสซีมีความแข็งแรงมากขึ้น และจุดศูนย์ถ่วงของรถต่ำลงเพื่อเพิ่มความคล่องตัว นอกจากนี้การออกแบบลักษณะนี้ยังช่วยลดแรงสั่นสะเทือนและเสียงไม่พึงประสงค์ที่เข้าสู่ห้องโดยสารอีกด้วย DNAความเงียบและความสบายของเลกซัสได้ถูกพัฒนาขึ้นมากอย่างครบถ้วน
・เทคโนโลยีควบคุมพลังขับเคลื่อนสี่ล้อแบบใหม่หรือ DIRECT4 ช่วยให้สามารถควบคุมการขับเคลื่อนของมอเตอร์แรงบิดสูงได้อย่างอิสระ ทำให้สามารถควบคุมอาการของตัวรถได้อย่างละเอียดตามสัมผัสและการสั่งงานของมนุษย์ นอกจากนี้ การควบคุมล้อขับเคลื่อนหน้าและหลังเป็นอิสระจากกัน ยังทำให้ระบบสามารถเลือกใช้ระบบขับเคลื่อนได้อย่างเหมาะสม เช่น ขับเคลื่อนล้อหน้า ขับเคลื่อนล้อหลัง หรือขับเคลื่อนทั้งสี่ล้อ ตามสถานการณ์การขับขี่แต่ละแบบ ระบบจะควบคุมการส่งแรงขับเคลื่อนโดยการประมวลผล และคำนวณการกดแป้นคันเร่งและการควบคุมพวงมาลัยแบบไร้รอยต่อ ทำให้ได้อัตราเร่งที่ทรงพลังและประสิทธิภาพการบังคับเลี้ยวที่เร้าใจตรงกับความต้องการของผู้ขับขี่
・การใช้ระบบบังคับเลี้ยวแบบไฟฟ้าจะตัดความจำเป็นในการเชื่อมต่อด้วยกลไกผ่านแกนพวงมาลัยออกไป ส่งผลให้เกิดการโต้ตอบโดยตรงระหว่างส่วนควบคุมพวงมาลัยและแรงขับเคลื่อน การใช้ระบบนี้ทำให้รถยนต์มีมุมบังคับเลี้ยวที่แคบลง และมีความแม่นยำมากขึ้นในการตอบสนองการขับขี่ท่ามกลางสภาวะต่าง ๆ
รูปโฉมภายนอกอันล้ำยุคที่เผยให้เห็นทิศทางการพัฒนาในแบบของเลกซัส
・รถยนต์ไฟฟ้า LF-Z เป็นโมเดลศึกษาที่เผยให้เห็นถึงทิศทางการพัฒนาสไตล์ของเลกซัส โดยมีเป้าหมายเพื่อออกแบบรถยนต์ให้มีรูปร่างที่เรียบง่ายและดึงดูดสายตา ผสานกับสัดส่วนที่ดูแข็งแกร่งและรูปโฉมภายนอกที่แตกต่าง โดยเฉพาะรูปทรงโดยรวมที่เริ่มต้นจากส่วนล่างบริเวณด้านหน้ารถและพุ่งสูงขึ้นไปด้านหลังตามแนวคิดของรถยนต์ BEV ตัวรถประกอบด้วยเส้นสายที่ต่อเนื่องโดยมีศูนย์กลางอยู่ภายในห้องโดยสารที่เรียบเนียน วงล้อที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดใหญ่ได้รับการจัดวางให้ใกล้กับมุมทั้งสี่ของตัวรถมากที่สุด เพื่อเพิ่มระยะฐานล้อให้ตัวรถมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ
・เลกซัสรับนำความท้าทายในการพัฒนารูปทรงแกนหมุนอันเป็นเอกลักษณ์ของเลกซัสให้กลายมาเป็นตัวถังรถยนต์รูปทรงแกนหมุน ซึ่งเป็นการถ่ายทอดสถาปัตยกรรมตัวถังรถยนต์โดยรวมออกมาในรูปแบบใหม่ เป้าหมายคือเพื่อออกแบบรูปทรงสามมิติที่แปลงรูปทรงตัวถังรถยนต์เองให้กลายเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์เลกซัส และพัฒนาการแสดงออกในด้านการใช้งานและสไตล์ควบคู่ไปกับพัฒนาการของเทคโนโลยี
・การใช้ DIRECT4 ซึ่งควบคุมพลังขับเคลื่อนของล้อทั้งสี่อย่างอิสระ ทำให้สามารถปรับแต่งภาพการขับขี่ที่ลื่นไหลด้วยแรงขับเคลื่อนที่ส่งผ่านอย่างต่อเนื่อง เส้นสายบานประตูลากจากล้อหน้าสู่ล้อหลังอย่างกลมกลืน ล้อมกรอบด้วยลวดลายตัวถังที่มีความแวววาวและเด่นชัด
・ด้านหลังของตัวรถมีการออกแบบพื้นที่แนวนอนที่เรียบง่ายสะอาดตา ผนวกกับลวดลายตัวถังที่นำสายตาไปสู่วงล้อ เน้นให้เห็นฐานล้อขนาดใหญ่ที่รองรับพละกำลังการขับเคลื่อนด้วยแรงบิดมหาศาล นอกจากนี้ยังมีสัญลักษณ์ “LEXUS” ทอดตัวตามแนวนอนภายในโคมไฟรูปทรงปราดเปรียวที่รวมไฟสัญญาณทุกดวงเข้าไว้ด้วยกัน เมื่อรวมกับการออกแบบด้านหน้าของตัวรถแล้วจึงเสริมสไตล์การออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของเลกซัสในเจเนอเรชันถัดไป
ส่วนควบคุมการขับขี่ที่ออกแบบตามคอนเซปต์ใหม่ “ทาซึนะ” และภายในห้องโดยสารที่ให้ความรู้สึกเปิดโล่ง
・เพื่อแสดงถึงแนวทางการวางผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลางของเลกซัสในระดับที่สูงยิ่งขึ้น อันเป็นรากฐานของแบรนด์เลกซัสมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง ส่วนควบคุมการขับขี่จึงได้รับการออกแบบตามคอนเซปต์ใหม่ที่เรียกว่า "ทาซึนะ" (“ทาซึนะ” ภาษาญี่ปุ่นหมายถึง “บังเหียน”) คอนเซปต์นี้ได้แรงบันดาลใจจากความสัมพันธ์ระหว่างม้ากับคนขี่ม้าที่สื่อสารกันผ่านบังเหียนเพียงเส้นเดียว สวิตช์ควบคุมต่าง ๆ จึงติดตั้งอยู่ที่พวงมาลัย ตัวรถมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลที่ออกแบบให้สอดรับกันอย่างดีเยี่ยม เพื่อสร้างพื้นที่ที่สามารถใช้งานได้หลายฟังก์ชัน เช่น ระบบการนำทาง ระบบเครื่องเสียง และการเลือกโหมดการขับขี่ที่เข้าถึงได้ขณะที่ผู้ขับขี่ใช้สมาธิกับการขับรถโดยไม่ต้องละสายตาหรือควบคุมสั่งการปุ่มต่าง ๆ ที่ซับซ้อน
・ส่วนควบคุมการขับขี่เป็นหัวใจหลักของตัวรถ โดยมีการจัดวางแผงควบคุมไว้ในระดับที่ต่ำเมื่อเทียบกับผู้ที่นั่งอยู่ในห้องโดยสาร รวมถึงใช้วิธีการอื่น ๆ เพื่อสื่อถึงความ “มินิมอล” อันสดใหม่ และพื้นที่ที่ให้ความรู้สึก “โอโมเตนาชิ” อย่างแท้จริง
・ภายในทั้งหมดออกแบบให้สะอาดตาและอัดแน่นด้วยคุณภาพ ด้วยรูปทรงแบบไร้รอยต่อที่เชื่อมชายกระจกบังลมเข้ากับประตูหน้าและยาวต่อไปจนถึงประตูหลัง นอกจากนี้หลังคา “พาโนรามิก” ยังใช้แผ่นกระจกยาวที่สร้างความรู้สึกโปร่งโล่ง เน้นย้ำบรรยากาศของความ “มินิมอล”
・หน้าจอแสดงผลเสมือนจริง มาตรวัด หน้าจอสัมผัส และฟังก์ชันให้ข้อมูลอื่น ๆ จัดกลุ่มรวมกันเป็นโมดูลเดียว ฟังก์ชันระบบการขับขี่ต่าง ๆ จะรวมกันอยู่รอบพวงมาลัย แสดงถึงทิศทางการออกแบบภายในเจเนอเรชั่นหน้าของเลกซัสที่จะขยายการมองเห็นออกไปด้านหน้ารถ และเชื้อเชิญให้ผู้ขับขี่มองไปด้านหน้าโดยธรรมชาติ
คุณสมบัติล้ำหน้าเพื่อสร้างประสบการณ์การเดินทางของคุณให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
・ในรถยนต์ไฟฟ้า LF-Z ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งเรียนรู้ลักษณะความต้องการและพฤติกรรมของผู้ขับขี่จะคอยให้การสนับสนุนผู้ขับขี่อยู่ตลอดเวลา การสื่อสารด้วยเสียงพูดจะช่วยให้การควบคุมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในขณะขับขี่ ระบบจดจำเสียงพูดมีการใช้ AI ใหม่ล่าสุดเพื่อจดจำ เรียนรู้ และปรับให้เข้ากับนิสัยและความต้องการของผู้ขับขี่ เพื่อช่วยทำงานต่าง ๆ อย่างเช่นการระบุเส้นทางในการขับขี่และการจองโต๊ะในร้านอาหาร การโต้ตอบในลักษณะนี้ระหว่าง AI กับผู้ขับขี่จะนำไปสู่การสนทนาที่มีประโยชน์อย่างมาก และทำให้ประสบการณ์การเป็นเจ้าของและการขับขี่โดยรวมดียิ่งขึ้น เพิ่มสีสันให้กับชีวิตของผู้ใช้เสมือนมีผู้ดูแลไลฟ์สไตล์ส่วนตัว
・นอกจากการควบคุมตัวรถด้วยสมาร์ทโฟนอย่างเช่นการล็อกและปลดล็อกประตูรถแล้ว การใช้กุญแจดิจิทัลยังช่วยให้ครอบครัวและเพื่อนสามารถเข้าถึงตัวรถได้โดยไม่ต้องมีการส่งมอบกุญแจเหมือนเคย การอนุญาตให้ผู้บริการใช้กุญแจดิจิทัลเข้าสู่ตัวรถได้จะทำให้บริการต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงกับตัวรถเป็นไปได้ อย่างเช่นการนำส่งพัสดุที่ตัวรถหรือบริการคาร์แชร์ริง ทำให้ชีวิตของผู้มีรถยนต์มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
・ระบบล็อกประตูอิเล็กทรอนิกส์ (อี-แลตช์) ช่วยให้การเปิดและปิดประตูราบรื่นและปลอดภัยยิ่งขึ้น ขณะขึ้นรถ มือจับประตูแบบซ่อนได้ โดยจะยกตัวขึ้นเหนือพื้นผิวตัวถังรถอัตโนมัติเมื่อผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารเข้าใกล้ตัวรถและถือกุญแจไว้ในมือ จะสามารถล็อกและปลดล็อกประตูได้อย่างง่ายดาย โดยแตะที่เซ็นเซอร์บริเวณด้านในของมือจับประตู ขณะลงจากรถก็สามารถเปิดประตูรถได้โดยกดที่สวิตช์เปิดประตู ประโยชน์ที่เพิ่มเข้ามาก็คือ เซ็นเซอร์ของรถยนต์ไฟฟ้า LF-Z จะตรวจสอบพื้นที่โดยรอบว่ามีรถสวนมาหรือเบียดด้านข้างหรือไม่ก่อนที่ผู้โดยสารจะออกนอกตัวรถ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่งให้แก่ผู้โดยสาร
・หลังคากระจกพาโนรามิกช่วยเพิ่มความรู้สึกโปร่งโล่งใช้กระจกแบบปรับระดับความเข้มอ่อนด้วยไฟฟ้า พร้อมติดตั้งระบบความบันเทิงอย่างเช่น การปรับลดแสงเพื่อความเป็นส่วนตัวและลดความร้อน หรือปรับให้สว่างขึ้นเพื่อให้มองเห็นท้องฟ้ายามค่ำคืน ที่บริเวณกลางกระจกมีแผงควบคุมแบบสัมผัสที่เชื่อมเบาะนั่งตอนหน้ากับตอนหลังเข้าด้วยกันและใช้ในการสื่อสารระหว่างผู้โดยสาร เบาะหลังสามารถปรับเอนได้พร้อมด้วยฟังก์ชันเบาะนวดเพื่อให้การเดินทางของผู้โดยสารทุกคนเป็นช่วงเวลาที่สงบและผ่อนคลาย
・ระบบเครื่องเสียงเจเนอเรชั่นล้ำยุคจาก “Mark Levinson” ให้สัมผัสประสบการณ์ระดับคอนเสิร์ตฮอลล์ ฟังก์ชั่นการจัดการเสียงแห่งยุคหน้านี้มีคุณสมบัติตัดเสียงรบกวน ช่วยสร้างสุนทรียภาพความเป็นส่วนตัวให้กับผู้โดยสาร และทำให้พื้นที่ภายรถมีความเงียบสงบและสะดวกสบาย
ความยาว (มม.) 4,880
ความกว้าง (มม.) 1,960
ความสูง (มม.) 1,600
ความยาวฐานล้อ (มม.) 2,950
น้ำหนักรถ (กก.) 2,100
ระยะการขับขี่ [WLTP] (กม.) 600
ความจุแบตเตอรี่ (กิโลวัตต์-ชั่วโมง) 90
พลังงานการชาร์จ (กิโลวัตต์) 150
แบตเตอรี่ แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน
ระบบหล่อเย็น ของเหลว
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (วินาที) 3.0
ความเร็วสูงสุด (กม./ชม.) 200
กำลังสูงสุด (กิโลวัตต์)
/แรงบิดสูงสุด (นิวตันเมตร) 400/700
ศูนย์เทคนิคชิโมยามะ
・ในเดือนมีนาคม 2024 เลกซัสจะเปิดธุรกิจและศูนย์เทคโนโลยีแห่งใหม่ขึ้นที่ศูนย์เทคนิคโตโยต้าชิโมยามะ (TTCS) โดยรวบรวมทีมงานที่เกี่ยวข้องในด้านการพัฒนา การออกแบบ เทคโนโลยีการผลิต และการวางแผนของแบรนด์เลกซัสจะรวมตัวกันเพื่อส่งเสริม “การสร้างรถยนต์ที่ดียิ่งขึ้น” ที่จะสามารถสร้างรอยยิ้มให้แก่ลูกค้าได้ในช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่านทางด้านยานยนต์ครั้งยิ่งใหญ่ ที่เชื่อกันว่าจะเกิดขึ้นเพียงศตวรรษละหนึ่งครั้ง
・นอกจากทำการทดสอบเพื่อการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วโลกแล้ว เลกซัสชิโมยามะ ยังจะพัฒนาทั้งรถยนต์และบุคลากรที่สร้างรถยนต์ขึ้นมาอีกด้วย สนามที่ใช้ทดสอบรถยนต์ทั่วโลกจะจำลองสภาวะการขับขี่ที่เลวร้ายในรูปแบบต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก โดยรถยนต์ที่เข้าทดสอบจะได้รับการ “ขับขี่และปรับปรุง” ซ้ำไปซ้ำมา การพัฒนารถยนต์และทรัพยากรมนุษย์ลักษณะนี้เกิดขึ้นได้เนื่องจากพื้นที่ชิโมยามะมีความหลากหลาย และเป็นเขตพื้นที่ในธรรมชาติที่มีความผันผวนอย่างมาก
・ในส่วนของสำนักงาน อาคารเลกซัสจะเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา และอาคารเมสเซะจะใช้ในการสร้างสรรค์ร่วมกันกับพันธมิตรทางธุรกิจจากภายนอก อาคารทั้งสองแห่งนี้จะเป็นสถานที่ที่ทีมงานจากภายในและภายนอกบริษัทมีวัตถุประสงค์และความท้าทายร่วมกัน โดยใช้สไตล์การทำงานที่เปิดกว้างและกระฉับกระเฉงเพื่อผลักดันการผลิตรถยนต์ให้สามารถก้าวข้ามขอบเขตที่มีอยู่ในปัจจุบันไปได้
・เสาหลักของการพัฒนารถยนต์ใหม่จะอยู่ที่อาคารเลกซัสหลังใหม่ขนาดสามชั้น ชั้นแรกจะจำลองลักษณะและบรรยากาศของพิทที่สนามแข่งรถนูร์เบอร์กริง ทีมงานที่รับผิดชอบทุกส่วนงานจะมาร่วมกันในแต่ละโปรเจกต์ด้วยความตั้งใจอันแรงกล้า เพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาที่รวดเร็วด้วยการบูรณาการการผลิตรถยนต์จริงในพื้นที่เข้ากับอุปกรณ์ดิจิทัลที่ล้ำยุค
・พื้นที่ออกแบบบริเวณชั้นที่สามจะเน้นที่การออกแบบรถยนต์รุ่นต่าง ๆ ด้วยดินเหนียว และเมื่อพัฒนาต่อไปอย่างรอบด้านก็จะกลายเป็นพื้นที่สำหรับการใช้ความคิดสร้างสรรค์อย่างเข้มข้น เพื่อให้มั่นใจว่านักออกแบบ วิศวกรการผลิต นักอากาศพลศาสตร์ และทีมงานส่วนอื่น ๆ ของฝ่ายการทดลองจะสามารถทำงานร่วมกัน เพื่อช่วยกันหาแนวคิดใหม่ ๆ จากศูนย์กลางแห่งการพัฒนาการออกแบบของเลกซัส
・ชั้นที่สองจะเป็นพื้นที่สำนักงาน โดยมีผังแบบเปิดโล่งเพื่อใช้งานในลักษณะที่หลากหลายเพื่อพัฒนาความร่วมมือและเป็นพื้นที่ที่บุคลากรทุกคนจะได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ให้มากที่สุด ในการเร่งการพัฒนาโดยมีรถยนต์เป็นศูนย์กลาง บุคลากรทุกคนจะสามารถเดินขึ้นลงระหว่างชั้นต่าง ๆ ของอาคารได้อย่างอิสระ รวมถึงทำงานนอกสถานที่ตามสไตล์การทำงานของตนเองได้ทุกเมื่อที่ต้องการ
・สภาพแวดล้อมแบบเปิดที่ศูนย์เทคนิคชิโมยามะ จะเป็นสถานที่เพื่อการสร้างสรรค์ผลงานร่วมกับผู้ผลิตและพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาแบรนด์ที่ดำเนินอยู่ให้สอดคล้องกับชีวิตของกลุ่มลูกค้า อาคารเมสเซะจะเป็นสถานที่เพื่อการร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด และนอกจากโถงอเนกประสงค์แล้ว จะมีโรงซ่อมรถเพิ่มเข้ามาอีกส่วนหนึ่ง เพื่อให้พันธมิตรทางธุรกิจ ของเลกซัสได้เข้าชม วัดขนาด รวมถึงได้ทำงานและสัมผัสกับรถยนต์รุ่นต่าง ๆ โดยตรงอีกด้วย
・ศูนย์เทคนิคชิโมยามะ ประกอบด้วยสนามทดสอบหลายสนามที่ได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมเพื่อการประเมินรถยนต์ด้วยความพิถีพิถัน สนามแห่งแรกในจำนวนสามสนามเปิดใช้งานเมื่อปี 2019 เป็นสนามทดสอบสภาพถนนนอกตัวเมืองระยะทาง 5.3 กิโลเมตร (3.3 ไมล์) ที่ใช้พื้นที่ธรรมชาติในเขตชิโมยามะเพื่อทดสอบขีดความสามารถ และประเมินรถยนต์ของเลกซัส โดยมีทางโค้งรัศมีต่าง ๆ จำนวนมาก และมีระดับความสูงต่ำของพื้นที่ที่แตกต่างกันถึง 75 เมตร (250 ฟุต) ขณะนี้สนามทดสอบประมาณ 10 สนามกำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้าง รวมถึงสนามประเมินความเร็วสูงแบบวิ่งวน และสนามทดสอบที่จำลองสภาพพื้นผิวถนนลักษณะต่าง ๆ ทั่วโลก
・ศูนย์เทคนิคชิโมยามะสร้างขึ้นภายใต้หลักปรัชญา “ศูนย์เทคนิคที่กลมกลืนกับธรรมชาติและชุมชนท้องถิ่น” โดยในด้านการอยู่ร่วมกันกับชุมชนในพื้นที่นั้น เราจะให้ความสำคัญกับพันธะที่เราได้สร้างขึ้นต่อกลุ่มคนในพื้นที่ และรับฟังความคิดเห็นของกลุ่มคนดังกล่าวนี้ขณะที่การก่อสร้างดำเนินต่อไป
・ทางด้านการรักษาสภาพแวดล้อม เราพยายามอย่างยิ่งที่จะรักษาและบริหารจัดการสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติให้คงเดิมด้วยความเหมาะสม โดยพื้นที่ก่อสร้างประมาณร้อยละ 70 ของทั้งหมดจะได้รับการรักษาสภาพภูมิประเทศ รวมถึงพืชพันธุ์และสัตว์ป่าไว้ให้คงเดิม
・เลกซัสกำลังดำเนินการเพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูและรักษาป่าไม้และนาข้าวในพื้นที่ใกล้เคียง หรือที่เรียกกันว่า ซาโตยามะ (ระบบนิเวศบริเวณข้างเคียงที่เชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับชีวิตมนุษย์ในพื้นที่) เพื่อฟื้นคืนนาข้าวที่แห้งแล้งและเสื่อมสภาพให้กลับเป็นแหล่งชีวภาพชุ่มน้ำดังเดิม และสร้างช่องทางส่งน้ำเพื่อให้มีน้ำเข้าสู่ที่นาโดยรอบตลอดทั้งปี เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยและหลบภัยของเหล่าสัตว์น้ำ
・นอกจากนี้ อุโมงค์และสะพานต่าง ๆ ยังได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมเพื่อรักษาภูมิประเทศตามธรรมชาติให้คงสภาพเดิมมากที่สุด ทั้งยังเป็นที่อยู่อาศัยและเส้นทางในการอพยพย้ายถิ่นของสัตว์ต่าง ๆ รวมทั้งให้พันธุ์พืชได้เติบโตอีกด้วย