ปรีดิยุช รัตนงาม

ปรีดิยุช รัตนงาม

คอนเน็กชั่นต่อเนื่องมาจากคุณพิสิษฏ์พงศ์ วรเศรษฐการกิจ จากสถาบันดนตรีและศาสตร์ด้านบันเทิงส่งต่อมาถึง คุณปรีดิยุช รัตนงาม ผู้จัดการฝ่ายคัดเลือกศิลปิน บริษัท อาร์เอส จำกัด มหาชน ทำหน้าที่คัดเลือกทั้ง นักร้อง ดารา และผู้ประกาศ เพื่อเข้ามาร่วมงานในสังกัดอาร์เอส ทั้งงานเพลง และทีวีช่อง 8 และนี่คือแนวทางการทำงานของเธอ

เข้ามาร่วมงานกับ RS ได้อย่างไร?
“ร่วมงานกับ RS เป็นปีที่ 16 แล้ว ทำมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2545 ต้องย้อนไปตั้งแต่ตอนเรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เริ่มจากทำรายการวิทยุเป็นหัวหน้าฝ่ายข่าวบันเทิง ในสมัยก่อนเราเป็นคลื่นแรก ๆ ที่เป็นการรายงานข่าวบันเทิงทุกชั่วโมง พี่ก็จะเป็น บ.ก.ข่าว หลังจากนั้นก็ไปเป็นประชาสัมพันธ์อยู่ที่บริษัท โพลีพลัส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ทำไปได้สักพักก็เห็นในหนังสือพิมพ์ว่าคุณแหม่ม พัชริดา อยากได้เจ้าหน้าที่แคสติ้งซึ่งเราก็ไม่เคยทำงานแคสติ้งมาก่อน จำได้เขาถามว่าจะเลือกนักร้องยังไง ในความรู้สึก
เรามันก็เหมือน ๆ การจัดดอกไม้ ดอกไม้บางดอกอยู่ดอกเดียวก็สวยได้เลย แต่บางดอกมันก็ไม่สวยก็ต้องให้อยู่เป็นช่ออะไรอย่างนี้ หลังจากได้ร่วมงานกันพี่แหม่มบอกว่าชอบความคิดเรา เพราะมันสามารถเห็นภาพได้เลย 

การคัดเลือกศิลปินต้องมีคุณสมบัติอย่างไร?
“การแคสติ้งไม่ได้มีหลักสูตร ต้องมองคนให้ออกหาคนที่มีแวว คือบางคนเราเห็นแววศิลปินเลยนะ บางคนก็ต้องเจียระไน พี่ว่าคนทำหน้าที่นี้เน้นที่ประสบการณ์ อย่างพี่อยู่วงการบันเทิงมานาน ตั้งแต่สมัยที่นักร้องเพื่องฟูจนปัจจุบันธุรกิจเพลงก็แทบจะหายไปแล้ว อยู่มาตั้งแต่ยุคเทป ซีดี จนมากลายเป็นดาวน์โหลด เราเห็นความเปลี่ยนแปลงมาตลอด เมื่อก่อนนักร้องวันนึงเทสติ้งกันราว 30 คน เดี๋ยวนี้บางวันก็ไม่มีเลย เมื่อก่อนพอได้คนที่มีแววก็จะเอามาฝึกทั้งร้องเพลงและการแสดง ทุกอย่างฟรีเพราะค่ายเป็นคนออกให้ แล้วค่อยคัดออกมาว่าคนนี้เหมาะกับศิลปินเดี่ยว เป็นวง หรือบอยแบนด์ แต่เดี๋ยวนี้ศิลปินคือต้องเก่งมาเองเลย ต้องมีของในตัวเอง ต้องแต่งเพลงเองได้ หรือมีช่องทางของตัวเองก่อน เราก็ผ่าน
ทุกยุคทุกสมัยจนถึงทุกวันนี้ตอนนี้เพลงก็ยังมีทำอยู่บ้าง แต่ก็จะโฟกัสที่ทีวีดิจิตอลช่อง 8 มากกว่า ค้นหาดารามาเข้าช่อง ดาราหน้าใหม่ ๆ มาเสริมงานละครของเรา
“ถ้าย้อนกลับไปยุคนึงนักร้องจะได้เป็นดาราด้วย อย่างเช่น D2B พอดังก็มาเล่นละครให้ RS วงไหนดังก็จะมาเล่นละคร สมัยก่อนถ้าเป็นนักร้องอย่างแรกเลยต้องร้องเพลงได้ถ้าร้องไม่ได้ก็ต้องมีภาพลักษณ์ที่ดี หรือเต้นเก่ง สุดท้ายมันก็อยู่ที่อันดับแรกคือต้องร้องเพลงได้อยู่ดี แล้วก็จะมาถึงยุคที่ไม่เอาเต้นแล้วเอาร้องอย่างเดียว พี่ก็จะมองว่าการร้องมันสำคัญกว่าภาพลักษณ์”

นโยบายเกี่ยวกับธุรกิจเพลงของ RS ปัจจุบันเป็นอย่างไรบ้าง?
“ทุกวันนี้รายรับของค่ายเพลงไม่มีอะไรเลยเพราะดาวน์โหลดไม่มี จะมีอย่างเดียวคือคอนเสิร์ต แต่อย่าลืมว่างานจ้างสมมุติจ้าง 100 ศิลปินได้ 80 ค่ายเพลงได้ 20 แต่ใน 20 ที่ได้มาต้องไปใช้อะไรอีกมากมาย ดังนั้นตอนนี้ธุรกิจของเราจะเป็นธุรกิจร่วมลงทุน เราจะถามย้อนกลับว่าอยากทำเพลงใช่มั้ย ก็ต้องกล้าลงทุนนะถ้าตัวเองยังไม่กล้าลงทุนแล้วเราจะกล้า
ลงทุนได้ไงเพราะเราก็ไม่มั่นใจ ดังนั้นระบบร่วมลงทุนก็จะเป็นตัวคอยซัพพอร์ตทุกอย่างในแง่มุมของมืออาชีพไม่ว่าจะมิวสิกวิดีโอ การโปรโมทหรือช่องทางทุกอย่างคือต้องมาลงทุน
ในมุมของตัวศิลปินเอง “ขอยกตัวอย่างฝั่งนักร้องลูกทุ่ง เขาไม่ลังเลเลยที่จะลงทุนเพราะเขาต้องการคอนเทนต์ เพราะเมื่อไรที่ผลงานใหม่ออกมางานโชว์หรือคอนเสิร์ตก็เพิ่ม ศิลปินที่กล้าลงทุนก็มีเยอะ แต่ใช่ว่าเราจะเอาทั้งหมดเราก็ต้องผ่านกระบวนการเดิม ๆ หมดทั้งการแคสติ้ง เทสต์ และดูว่าจะเป็นศิลปินได้มั้ย ไม่ใช่ว่ากล้าลงทุนแล้วเราจะออกผลงานให้ ส่วนตัวเลขในการลงทุนก็ไม่แน่นอน แต่ว่าสมมุติคนนี้เป็นอินดี้ไม่ต้องมีอะไรมาก คนนี้เป็นป๊อปไอดอลก็ต้องใช้อะไรเยอะมากหน่อย ก็จะมีตัวเลขที่ต่างกันออกไป ดังนั้นถ้ามั่นใจในความสามารถของตัวเองและมั่นใจว่าลงทุนแล้วเราจะได้อะไร เราก็จะตกลงทำ”

รู้จักคุณภูมิได้อย่างไร?
“คือทาง Superstar College of Asia มีการออดิชั่นนักเรียนจึงอยากจะได้มืออาชีพเข้าไปดูเพื่อชี้แนะให้กับเด็ก ๆ และเราก็ต้องการเด็กของเขามาออดิชั่นเป็นศิลปินเหมือนกัน 
ก็เลยเกิดการแลกเปลี่ยนเลยทำให้ได้เจอกัน คือจริง ๆ แล้วเขาเป็นผู้บริหารรุ่นใหม่ที่น่าจับตามองมาก คือเขาเป็นเจ้าของโรงเรียนแต่ดูสนิทกับนักเรียนมาก รู้จักชื่อน้องทุกคนเลย ทำให้เราประทับใจเรายังพูดกับเด็ก ๆ ว่าพี่ไม่คิดว่าน่าจะมีมหาวิทยาลัยไหนหรือสถาบันไหนที่มีผู้บริหารระดับสูงจะมาเรียกชื่อพวกคุณแบบสนิทสนมได้อย่างนี้ แล้วเขาสามารถบอกได้อีกว่าคนนี้ร้องดี เด็กคนนี้เล่นละครดีเลย คือข้อมูลในหัวเขามันเป๊ะมาก คือพี่รู้สึกแบบพวกคุณโชคดีมากที่มีผู้บริหารมารู้จักกับพวกคุณขนาดนี้ เพราะการรู้จักคือเขารู้ว่าคุณคือใครเป็นอะไรถนัดด้านไหน แล้วเขาจะพาคุณไปทางที่ดีได้ด้วย นี่แหละคือความละเอียดอ่อนที่เขามีและพี่ก็รู้สึกชื่นชม”

ในยุคนี้ค่ายเพลงใหญ่ ยังสำคัญกับศิลปินขนาดไหน?
“อย่างที่เรารู้ว่าช่องทางมันมีเยอะขึ้น แต่พี่มั่นใจว่าค่ายเพลงเองก็ยังเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับศิลปินอยู่ เพราะว่าประสบการณ์ในการทำงาน ชั่วโมงบินที่ผ่านงานมาเยอะ เราก็ยังพัฒนาตนเองให้เข้ากับทุกยุคทุกสมัยได้ พี่เคยได้ยินเฮียพูดว่า ‘ยังไงคนก็ต้องฟังเพลง เพลงไม่มีทางหายไป’ พี่ขอยืนยันว่า RS คือค่ายเพลง เราจะไม่พูดว่าตอนนี้เราเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย แต่เรายังเป็นค่ายเพลง ยังทำเพลงอย่างดีที่สุดเพื่อคนฟัง ดังนั้นถ้ามองว่า RS เป็นค่ายเพลงที่ดีทางเราก็ยินดีต้อนรับที่จะได้ร่วมงานกับคนที่มีฝันอยากเป็นนักร้องทุกคน ไม่ว่าจะลูกทุ่ง ป็อบ ร็อค หรืออินดี้ก็ตาม” 

ผู้จัดการฝ่ายคัดเลือกศิลปิน บริษัท อาร์เอส จำกัด มหาชน