"…ความสุขความเจริญนี้ แม้เป็นสิ่งที่พึงปรารถนาอย่างยิ่ง แต่ในวิถีชีวิตของคนเรานั้นย่อมต้องมีทั้งสุขและทุกข์ ทั้งความสมหวังและผิดหวังเป็นปรกติธรรมดา ทุกคนจึงต้องเตรียมตัว เตรียมใจ และเตรียมกายให้พร้อม อย่าประมาท ในปีใหม่นี้จึงขอให้ท่านทั้งหลายได้รักษาและสร้างเสริมสุขภาพของตนให้สมบูรณ์ ให้มีกำลังกายที่แข็งแรง มีกำลังใจที่เข้มแข็งหนักแน่น และมีสติรู้เท่าทันอยู่เสมอ จักได้สามารถนำพาตนให้ผ่านพ้นสถานการณ์ต่าง ๆ อันไม่พึงประสงค์ จนบรรลุถึงความสุขความเจริญ และความสำเร็จได้ ดั่งที่ตั้งใจปรารถนา…"

พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ พ.ศ.2559

ความภักดีแห่งศรัทธา
เหมือนดั่งสายฟ้าฟาดลงที่กลางดวงใจของปวงชนชาวไทยทุกคน เมื่อได้ยินข่าวร้ายในวันที่ 13 ตุลาคม 
เนื่องด้วยพระผู้เป็นดั่งเทียนส่องสว่างกลางดวงใจได้ดับวูบลง ความมืดพลันปกคลุมไปทั่วแผ่นฟ้า 
แต่คำสอนของพ่อยังคงส่องสว่างให้ลูก ๆ ได้ดำเนินรอยตาม 
ความรักของพระองค์ท่านที่มีให้พสกนิกรช่างเหลือคณานับ ขนาดพระองค์ทรงประชวรก็ยังมี
พระราชดำรัสให้กำลังใจประชาชนที่พระองค์ทรงห่วงใย
คนไทยทุกคนต่างโชคดีที่ได้เกิดใต้ร่มพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ตราบนิจนิรันดร์
บันทึกความรู้สึกของพสกนิกรไทยที่มีต่อพ่อหลวง 
ผู้เป็นพลังและแรงบันดาลใจให้พวกเราได้ดำเนินรอยตามเบื้องพระยุคลบาท

ศาสตราจารย์ระพี สาคริก นายกสมาคมกล้วยไม้แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
“หากในวันนี้ผมพูดอะไรกับพระองค์ได้ ผมอยากจะบอกกับพระองค์ว่า ผมจะทำอย่างดีที่สุด ทำด้วยความมั่นคง เข้มแข็ง ต่อไปในอนาคต เพื่อรักษาประเทศสยามเอาไว้ให้อยู่ได้ ผมเคยได้ถวายสัจจะต่อพระองค์ท่านว่า ‘ข้าพระพุทธเจ้าจะทำงานถวายชีวิต’ ในหลวงทรงมีพระราชดำรัส
กลับมาว่า ‘พูดแล้วต้องทำให้ได้ นี่คือจุดสำคัญ’”

ชูศักดิ์ วิษณุคำรณ ศิลปินผู้มีความภักดีในพระราชา 
“ความเพียรที่ชัดเจนที่สุดปรากฏอยู่ในเรื่อง ‘พระมหาชนก’ จงยึดหลักนี้ไว้ อย่าถอดใจถ้าว่ายน้ำอย่าถามว่าฝั่งอยู่ไหน ความสำเร็จอยู่ไหนอย่ากังวลขอให้ไปข้างหน้า ไม่ต้องถามถึงฝั่ง นี่คือคติธรรมที่พระองค์ซ่อนไว้ เป็นปรัชญาให้คนได้บอกต่อกันว่า มหาชนกไม่เคยท้อถอยในการทำความเพียร และสุดท้ายจะประสบความสำเร็จเพราะความเพียร นำมาซึ่งชัยชนะทุกประการ เพียรทำสิ่งที่ดีงามไปสู่เป้าหมายของตนเอง อย่างที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านได้ประทานให้เรา อย่าถอดใจแล้วจะประสบความสำเร็จ”

พลตำรวจเอก อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
“ก่อนลาออกจากราชการ ผมแต่งตัวเต็มยศเพื่อไปร่วมงานครองราชย์ครบ 60 ปี ครั้งเสด็จออกมายังหน้าสีหบัญชร พ.ศ.2549 พอท่านเสด็จออกมา เพลงสรรเสริญพระบารมีบรรเลง ผมยืนน้ำตาไหล นั่นคือการเข้าเฝ้าครั้งสุดท้ายในตำแหน่งหน้าที่การงานของผม หลังจากพระองค์สวรรคตได้ 3 วัน ผมได้เข้าเฝ้าอีกครั้ง เป็นการนั่งฟังพระอภิธรรม ได้กราบพระบรมศพต่อหน้าพระบรมโกศ ในฐานะนายตำรวจราชสำนักพิเศษ ราชองครักษ์พิเศษ ก็เป็นปลื้มว่า ผมเกิดเมื่อท่านครองราชย์ และมีชีวิตอายุ 70 ปี เท่ากับที่ท่านครองสิริราชสมบัติมา ผมเป็นคนของท่าน”

พลเรือตรีอนุชา เอี่ยมสุโร ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพเรือ
“ในฐานะทหารของพระราชา ผมเชื่อว่าที่ผ่านมาผมได้ปฏิบัติหน้าที่ทหารของพระราชาอย่างเต็มความสามารถ ผมสามารถสละชีวิตแทน เพื่อให้พระองค์ยังอยู่ โดยจะไม่มีคำถามอื่นใดและไม่มีคำตอบอื่นใดที่นอกเหนือไปจากนี้ เพียงแค่ผมรู้ล่วงหน้าว่าพระองค์จะเป็นอย่างไร และถ้าผมเป็นแทนพระองค์ได้ผมพร้อมที่จะเป็นทันที เพื่อพระองค์จะได้อยู่ต่อไป เพื่อพัฒนาประเทศชาติ ตัวผมคนนี้พร้อมเป็นราชพลี”

พลอากาศตรี คงศักดิ์ จันทรโสภา ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนกรมข่าวทหารอากาศ
“ตราบใดที่ยังมีชิวิตอยู่ผมจะรักษาแผ่นดินนี้ไว้ด้วยชีวิต เพื่อสนองต่อความมุ่งมั่นที่พระองค์ได้ทุ่มเททำไว้ทุกอย่าง ผมเคยคิดเสมอว่าอยากตายก่อนพระองค์ท่าน ผมไม่อยากเจอกับความสูญเสียที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ หากย้อนเวลากลับไปได้ และสิ่งมหัศจรรย์ หรือปาฏิหาริย์ใด ๆ บนโลกนี้มีจริง
ผมหรือข้าราชการที่จงรักภักดีอีกหลายคนพร้อมสละชีวิตเพื่อให้พระองค์ท่านมีชีวิตอยู่ต่อไปจากนี้ไปผมจะปฏิบัติหน้าที่ต่อไปให้ดีที่สุดเพื่อถวายเป็นปฏิญญา และอะไรที่ถวายเป็นพระราชกุศลได้ผมก็จะทำ จะทำให้ดีและมากที่สุดเท่าที่จะทำได้”

พันเอกนพสิทธิ์ สิทธิพงศ์โสภณ ผู้บังคับการกรมทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์ฯ
“สิ่งที่ทหารทุกคนอยากจะกราบบังคมทูลต่อพระองค์ในฐานะที่พระองค์เป็นจอมทัพไทยนั้นมีไม่กี่คำสั้น ๆ คือ ข้าพระพุทธเจ้าจะรักษามรดกของพระองค์ไว้ด้วยเลือด”

ดร.จินดารัตน์ ชุมสาย ณ อยุธยา ผู้อำนวยการแผนกอาหารไทย โรงเรียนดุสิตธานีการโรงแรม
“เรียกว่าเป็นความภูมิใจที่เกิดในรัชกาลที่ 9 คือได้เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงเป็นตัวอย่างที่ดีมาก ๆ ทรงเป็นต้นแบบให้กับทุก ๆ คน และตัวดิฉันเองด้วย”

ดร.ณัฏฐ์ เดชะปัญญา อาจารย์ประจำสาขาวิชาการโฆษณาและธุรกิจบันเทิง คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา
“...หกสิบล้านดวงใจขอถวายให้หนึ่ง องค์ราชันย์ แม้รู้พ่อไม่ต้องการอะไรตอบแทน อยากจะขอให้พ่อได้พัก จากนี้ลูกจะทำแทน เพื่อชาติแผ่นดินที่พ่อสร้างไว้ ลูกจะทำ...ต่อจากนี้ไปผมขอทำหน้าที่ความเป็นครูทั้งทางด้านวิชาการ และส่งเสริมกิจกรรมต่าง ๆ ของนักศึกษา เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศชาติบ้านเมืองต่อไป จนกว่าชีวิตจะหาไม่”

แพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์ นักแสดงผู้ดำเนินรอยตามศาสตร์ของพระราชา
“พระองค์ท่านมีเรื่องราวมมากมายให้เราได้จดจำ ให้เราได้ดำเนินรอยตาม ซึ่งเป็นประโยชน์ที่สุดเลยค่ะ ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง  ต้องบอกว่าสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ จะดำเนินรอยตามท่าน เท่าที่จะสามารถทำได้ในชีวิตนี้ต่อไปค่ะ”

.................................................

“ข้าแผ่นดินในรัชกาลที่ ๙” ภายในเล่มประกอบด้วยเนื้อหาเรื่องราวเกี่ยวกับพระองค์ท่านตลอดระยะเวลา 89 ปี และพิเศษสุดด้านในยังแทรกด้วยพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ ผลงานของอาจารย์ชูศักดิ์ วิษณุคำรณ จำนวน 8 ภาพ ซึ่งสามารถนำออกมาประกอบกันเป็นภาพชุด “เป็นรวงทอง รวงข้าวของพ่อ” เพื่อใส่กรอบเก็บไว้เป็นที่ระลึกได้อีกด้วย

ผู้ที่สนใจสามารถหาซื้อได้ตามแผงหนังสือชั้นนำ หรือสั่งซื้อโดยตรงได้ที่ บริษัท มิตรมายา จำกัด ในราคา 140 บาท (ไม่รวมค่าจัดส่ง 50 บาทต่อ 1 เล่ม)
Tel: 0-2460-1534-5 หรือ 08-7795-2111
E-mail: [email protected]
Facebook: MiXMagazineThailand
Line: mixmagazine