EDITOR’S PAGE
ในช่วงวันสงกรานต์สภาพการจราจรในเมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานคร ที่ใครๆ ก็ทราบดีว่ามีความสับสนวุ่นวายเพียงใด กลับมีสภาพเงียบเหงา ถึงแม้จะหาของกินของใช้ได้ยากลำบากต้องพึ่งพาตามห้างสรรพสินค้าเป็นส่วนใหญ่ก็ตาม แต่ก็เป็นความฝันของใครหลายคน
ผมก็เป็นอีกคนที่ขอใช้ความฝันในระยะเวลาสั้นๆ เพื่อแสวงหาความสุขในการขับรถไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวกสบาย แต่ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนเวลาใด เรื่องที่สามารถพบได้อย่างสม่ำเสมอโดยไม่มีวันหยุดก็คือ การไม่เคารพกฎกติกามารยาท ของการใช้รถใช้ถนน อย่างเช่น การขับรถชิดขวาโดยใช้ความเร็วชนิดสุนัขวิ่งแซงได้ทำให้เกิดกีดขวางเส้นทางการจราจรอย่างลอยหน้าลอยตา และไม่สนใจใยดีว่าจะมีรถยนต์ที่อยู่เบื้องหลังของตนเองต้องติดขัดสักเพียงใด หรือ การเปิดไฟฉุกเฉินที่เรียกกันอย่างผิดๆ ว่าไฟผ่าหมาก เพื่อจะบอกว่ากำลังจะขับรถไปในทางตรง ทั้งๆ ที่การไม่เปิดไฟเลี้ยวซ้ายหรือขวาก็เท่ากับว่าคุณจะไปทางตรงอยู่แล้ว อีกทั้งการขับรถโดยใช้ไฟฉุกเฉินในขณะที่ฝนตกหนักก็ตาม ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไปได้ลัทธิเอาอย่างที่ผิดๆ มาจากไหน
ทราบไหมครับว่า การเปิดไฟฉุกเฉินตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกพุทธศักราช 2522 แก้ไขเพิ่มเติม 2535 มาตรา 56และกฎกระทรวงข้อ 11 กำหนดให้ใช้ไฟฉุกเฉินในกรณีรถเสียจอดอยู่กับที่เท่านั้น
เขียนมาถึงตรงนี้ ... ผมอยากจะเล่าเรื่องจริงขำๆ ที่ไม่อยากให้ใครมีความคิดแบบนี้เลย คือในขณะที่ผมนั่งรถสาธารณะประเภทหนึ่ง เมื่อโชเฟอร์ขับรถแซงขวาในช่องทางบังคับขึ้นสะพาน แล้วปาดซ้ายเพื่อจะเข้าช่องทางปกติซึ่งมีทั้งเส้นทึบและลูกระนาด แล้วรถยนต์ที่ขับในช่องทางปกติไม่ยอม โชเฟอร์คนนี้ได้สบถว่า ... “ไม่มีน้ำใจ”
เชื่อไหมครับว่าหลังจากนั้นไม่นานเกิดเหตุการณ์เดียวกันเมื่อเขาขับอยู่ในช่องทางปกติและมีคนจะปาดหน้าเข้าเหมือนกัน เขากลับพูดว่า ... “ไม่ให้หรอก เดี๋ยวมันจะเคยตัว” ตลกไหมครับ
แล้ววันนี้คุณได้เคยกระทำเรื่องใดไปบ้างแล้ว ... ถ้าไม่ขอขอบคุณครับ
ชโลทร ศิวารัตน์
บรรณาธิการบริหาร